Colours of Wellness เยียวยาใจจากภายในด้วยสีสัน

หากคุณกำลังเหนื่อยล้า…บางครั้งอาจไม่ได้มาจากปัจจัยทางกาย ลองพินิจ ให้ลึกลงไป เราอาจพบว่าสิ่งเหล่านั้นอาจเกิดจากภายใน เพราะจิตใจของเรานั้นมีหลากหลายอารมณ์ความรู้สึกปนเปอยู่ร่วมกัน ทั้งยังเปลี่ยนแปลงได้ตลอดทุกเวลา

เมื่อเปรียบไปแล้ว อารมณ์และความรู้สึกเหล่านั้นก็เปรียบได้กับสีสันที่ผสมกันอยู่ภายในจิตใจ บ่อยครั้งที่เราเองก็ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นได้ทั้งหมด เหมือนยามที่สีสันต่างๆผสมปนเปจนยากจะบอกว่าสีที่เห็นนั้นคือสีอะไร ด้วยเหตุนี้เองจึงมีการศึกษาเกี่ยวกับการทำความเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกผ่านการแทนค่าด้วยสี เพื่อสร้างสภาวะสู่การเข้าถึงความรู้สึก และอารมณ์เหล่านั้นเพื่อค่อยๆทำความเข้าใจ แยกแยะ และหาหนทางเยียวยาให้ดีขึ้น ศาสตร์ที่ว่านี้เรียก “Chromotherapy” หรือศาสตร์แห่งสีสันอันแทนความรู้สึกและสภาวะภายในจิตใจ โดยในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับแนวทางในการเลือกใช้เฉดสี โทนสีต่างๆ ทั้งในการนำไปเป็นไอเดียในการตกแต่ง และเลือกสีสันให้กับบ้าน หรือพื้นที่พิเศษที่ช่วยสร้างพลังบวกให้กับคุณได้ในทุกวัน

Chromotherapy นั้นคืออะไร?

            ปัจจุบัน “Chromotherapy” ถูกใช้ในวงการการออกแบบหลากหลาย ทั้งในแง่ของศิลปะ และสถาปัตยกรรมรวมทั้งการตกแต่ง ศาสตร์ที่ว่าด้วยอิทธิพลของแสง และสีนี้ถูกศึกษาเพื่อทำความเข้าใจในการสร้างสภาวะที่เหมาะสมให้กับผู้ใช้งานพื้นที่ได้ปรับสภาวะอารมณ์ และจิตใจให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยให้ชีวิตคนเมืองที่เคร่งเครียดผ่านพ้นในแต่ละวันไปได้ด้วยดี

            Chromotherapy  หรือ ทฤษฎีสีบำบัด ถือเป็นการแพทย์ทางเลือกประเภทหนึ่ง ซึ่งกล่าวถึงการใช้ “แสง” ในรูปแบบของสีเพื่อสร้างสมดุลให้กับ อารมณ์ และ จิตใจ ด้วยการปรับเสริม หรือ ปรับ “พลังงาน” ภายใน และสุดท้ายจะส่งผลให้ร่างกายได้รับสมดุลในที่สุดนั่นเอง

            พลังงาน ในรูปแบบของแสงนั้นแบ่งออกได้เป็น 7 สีที่ให้ผลลัพธ์แตกต่างกันไป โดยสีทั้ง 7 นั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น

1. โทนสีแดง ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทางกล้ามเนื้อ และอาการปวดหัวได้

2. โทนสีส้ม ช่วยเสริมพลังงานให้กับจิตใจ และเยียวยาร่างกายให้กระปรี้กระเปร่า

3. โทนสีเหลือง ช่วยเสริมภูมิต้านทาน และ บรรเทาอาการเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร

4. โทนสีเขียว ช่วยสร้างสมดุลให้แก่จิตใจ และร่างกายสัมพันธ์กัน

5. โทนสีฟ้า ช่วยผ่อนคลายจิตใจให้ปลอดโปร่ง

6. โทนสีน้ำเงิน ช่วยบรรเทาความวิตกกังวล ช่วยสร้างสมาธิให้กับจิตใจ

7. โทนสีม่วง ช่วยเสริมความคิดให้แหลมคม และเสริมประสิทธิภาพในการคิดวิเคราะห์ รวมทั้งการทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ

มีการทดลองมากมาย รวมทั้งงานนิทรรศการศิลปะเชิงปฏิสัมพันธ์ ที่นำเอาการใช้งานหรือรูปแบบของห้องหนึ่งๆ โดยมีการเปลี่ยนแปลงโทนสีสันภายในห้องเหล่านั้น ผลลัพธ์ที่ได้คือพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้เข้าชม แม้แต่ในห้องๆ เดียวกันที่เปลี่ยนโทนสีไปในแต่ละครั้งก็ยังสร้างให้ผู้ชมมีปฏิสัมพันธ์ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป

ในนิทรรศการ MENTAL: Colours of Wellbeing ณ ประเทศสิงคโปร์ ศิลปินได้นำเอากระจกเงาไปใส่ไว้ในพื้นที่รูปวงกลมที่มีม่านโปร่งล้อม ก่อนจะย้อมด้วยแสงสีที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลา ผลลัพธ์ที่ได้คือการมองตัวเองของผู้เข้าชมให้ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปในแต่ละสี และมากกว่านั้น ผู้เข้าชมยังรู้สึกถึงความปิติต่อตนเอง (self-esteem) ผ่านโทนสีที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล นั่นแปลว่า สีสันที่อยู่ภายในจิตใจ และสีสันที่ส่งผลต่อบุคคลต่างๆนั้น จะแตกต่างไปไม่เหมือนกันหากต่างที่มา การใช้ชีวิต และปัจจัยแวดล้อมนั่นเอง

            ถ้าอย่างนั้นเราจะปรับใช้ Chromotherapy สู่ตัวเรา หรืองานออกแบบที่เราต้องการเลือกสีสันได้อย่างไร คำตอบนี้คงเป็นการซึมซับสภาวะ ว่าโทนสีเหล่านี้กับตัวเรานั่นส่งความรู้สึกอย่างไร โทนสีใดที่ทำให้เรารู้สึกสงบ โทนสีที่เร่งเร้าใช้กับตัวเราได้หรือไม่ อย่างแรกก็คืออาจต้องชี้ปัญหา หรือสภาวะภายในให้ดีเสียก่อน และ เลือกเฉดสีที่อยู่ในลักษณะที่เราคิดว่ายังขาดไป โดยเฉพาะการผสมสีต่างๆเป็น Colour Palettes มักให้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจต่อความรู้สึกในหลากมิติไปพร้อมๆ กัน และนี่คือแนวทางที่ช่วงสร้างให้สภาวะจิตใจของคุณจะรู้สึกสงบ แต่เปี่ยมไปได้ด้วยคุณค่า ผ่าน เทรนด์สีในปี 2023 โดย Nippon Paint ซึ่งมีหลากหลายแนวทางที่ดีต่อใจให้เลือกใช้ตามรสนิยมและตัวตนในแต่ละบุคคล

ธีมสีที่ 1: Restore สีสันที่จะเติมคุณค่าให้ทุกขณะของชีวิต ด้วยเฉดสีที่ช่วยจรรโลงจิตใจให้ปลอดจากความว้าวุ่น สร้างพลังงานที่ดีให้กับคุณด้วยความสดใส สดชื่น แต่ยังคุมโทนไว้ในแบบเอิร์ธโทน

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่รู้สึกว่าชีวิตทุกวันนี้มีความวุ่นวายโกลาหลจนเกินไป

การเยียวยา : ความเร่งเร้าของโลกสมัยใหม่ทำให้ภายในจิตใจเกิดความว้าวุ่นขาดความสงบ เฉดสีนี้ เปี่ยมไปด้วย พลังบวก แห่งความผ่อนคลายที่มาจากสีสันแบบเอิร์ทโทน ทั้งโทนสีชมพู โทนสีน้ำตาล และโทนสีครีมจนถึงโทนสีเทาคล้ายหินธรรมชาติ

เฉดสีแนะนำ :
IVORY STONE – OW 2193P

VINTAGE VASE – R 2386P

EVASIVE YELLOW – BGG 1719P

ธีมสีที่ 2: Reflect ธีมสีที่จะพาคุณดำดิ่งสู่การค้นหาคำตอบอันเปี่ยมความหมายแห่งชีวิต ในห้วงเวลาที่คุณได้ค้นพบความหมายใหม่ๆ การเฉลิมฉลองให้กับช่วงเวลาที่ดีของตัวเอง การสร้างคุณค่าให้กับชีวิตด้วยสีสันที่ลุ่มลึก สุขุม และเรืองรองดั่งพระอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่รู้สึกเคว้งคว้าง ขาดความหมายของชีวิต ด้วยภาระที่มากจนการใช้ชีวิตอาจเข้าสู่สภาวะซ้ำซากจำเจ ไร้ซึ่งคุณค่าในจิตใจ

การเยียวยา : เฉดสี Reflect นั้นสร้างให้เกิดความสุขจากความหมายในสิ่งเล็กๆ ด้วยโทนสีอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยสีสันที่ดูเรืองรองเช่นสีทอง เปิดให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายในการปรนเปรอตนเพื่อหาความหมายจากความสุข และช่วงเวลาดีๆให้มากขึ้น

เฉดสีแนะนำ :
CAPITOL’S GOLD – YO 1169D

PLASTER WHITE – N 3173P

ROSY DREAMS – R 1344A

ธีมที่ 3 : Revive ปลุกความรื่นรมย์ด้วยการเยียวยาจากธรรมชาติ

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่รู้สึกอ่อนล้า ไม่ว่าจะโดยสุขภาพ หรือสภาพแวดล้อมรวมถึงการทำงานหนัก

การเยียวยา : เฉดสี Revive เลือกใช้โทนสีในเฉดที่มีแรงบันดาลใจจากธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ สร้างบรรยากาศให้หวนคิดไปถึงบรรยากาศของเสียงใบไม้เสียดสีด้วยแรงลม แสงอันเจิดจ้าของพระอาทิตย์ยามเช้า หรือไอน้ำค้างที่ยอดหญ้าของทุ่งเขียวขจี สิ่งที่เฉดสีนี้ให้คือการปรับความรู้สึกให้เกิดกำลังใจอย่างค่อยเป็นค่อยไป และสร้างสุขภาวะทางจิตใจที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งชีวิต

เฉดสีแนะนำ :
FROGGY’S LEAF – BGG 1748P

GREEN POINT – BGG 2596T

DARK GREEN – AC 2119A

อัปเดตเทรนด์ประจำปี 2022 – 2023 กับนิปปอนเพนต์

หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ https://our-colour-trends.nipponpaintdecor.com/

บทความก่อนหน้า บทความถัดไป